Pages

Tuesday, September 22, 2020

เช็กด่วน "ครีมกันแดด" ที่คุณใช้อยู่ ช่วยป้องกัน “แสงสีฟ้า” หรือไม่? - ไทยรัฐ

gugurbulu.blogspot.com


มัวแต่ทาครีมกันแดด ประเภท SPF 50-100 พกร่ม ใส่หมวก สวม เสื้อคลุม ใส่แว่นกันแดด จนวุ่นว้ายวุ่นวาย แล้ว คิดว่าผิวพรรณของคุณจะเปล่งปลั่ง แวววาว สดใส ไร้ริ้วรอยได้ตลอดกาลน่ะ มันไม่ใช่แล้วนะคะคุณขา!!

ช่วงที่ผ่านมา คุณสาวๆหลายคนชะล่าใจ คิดว่า WFH หรือทำงาน ที่บ้าน แล้วจะไม่ต้องเสี่ยงกับการที่ผิวต้องถูกทำร้าย แต่เอาเข้าจริงๆไม่ใช่เลยค่ะ จอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ไอแพด ไอโฟน ที่คุณใช้ทำงาน สื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ช็อปปิ้งออนไลน์ ดูละคร อ่านข่าว แบบชีวิตติดจอ ในแต่ละวันวันละหลายชั่วโมง นั่นละคร้า...เป็นตัวการทำร้ายผิวคุณโดยไม่รู้ตัว

หรือกว่าจะรู้ ก็ อุ๊แม่เจ้า...ผิวช้านนน แก่ เหี่ยว แบบนี้ ได้ไงๆ

เพราะอุปกรณ์เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย ที่กลายมาเป็นปัจจัยที่ห้า จริงๆแทบจะเป็นปัจจัยที่สองที่สามด้วยซ้ำ เพราะไม่กินข้าวก็ได้ ขอให้ได้เล่นไลน์ ส่องเฟซบุ๊ก ก็โอเคแล้ว มีผลสำรวจบอกว่า คนไทยใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง หรือ 1 ใน 4 ของวันกับหน้าจอของอุปกรณ์พวกนี้ ซึ่งปล่อย “แสงสีฟ้า” หรือ blue light ออกมาทำร้ายผิวคุณ

แสงสีฟ้า หรือ blue light เป็นแสงที่ถูกปล่อยออกมาในรูปแบบของคลื่นแสงพลังงานสูง ที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 300 นาโนเมตร ขณะที่ประสาทตาของมนุษย์สามารถสัมผัสความยาวคลื่นที่อยู่ระหว่าง 400-700 นาโนเมตรเท่านั้น และแม้จะเป็นแสงสีขาว แต่ภายในแสงนั้นมีแสงที่ผสมอยู่ในช่วงแสงสีขาวถึง 7 สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และแดง ลองนึกภาพสายรุ้งจะเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

แสงสีฟ้าที่ว่านี้จะผสมอยู่ในช่วงน้ำเงินกับคราม เราจะพบแสงนี้ได้รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นในหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ แต่ที่พบมากที่สุดคือ หน้าจอคอมพิวเตอร์และมือถือสมาร์ทโฟน...

อันตรายของแสงสีฟ้าที่ว่านี้ นอกจากจะมีผลต่อการเสื่อมสภาพของเซลล์เยื่อชั้นในลูกตา หรือโรคจอประสาทตาเสื่อมโดยตรง ในขณะที่เราใช้งาน ไม่ว่าจะนั่งแชต นอนแชต เล่นเกมหรือ ส่องเฟซหนุ่มๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นการเล่นในห้องที่มีแสงน้อย เช่น ในเวลากลางคืน การปล่อยแสงสีฟ้าจากหน้าจอเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ทำร้ายสายตาเท่านั้น แต่ยังทำให้ ใบหน้าของคุณหมองคล้ำ เหี่ยวย่น เนื่องมาจากขาดความชุ่มชื้น รวมทั้งอาจ เกิดสิว ฝ้า กระ แบบไม่รู้ตัวด้วย

นอกจากจอต่างๆที่ว่าจะปล่อยแสงสีฟ้าที่เป็นตัวการออกมาทำร้ายผิวแล้ว ยังปล่อยรังสีอินฟราเรด หรือรังสีความร้อน ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเจ้าคลื่นนี้เป็นตัวหลักที่ส่งผลเสียกับผิวหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น สร้างริ้วรอย แก่ก่อนวัย ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ คอลลาเจนในเนื้อผิวหายไป ร้ายแรงที่สุดคือ มะเร็งผิวหนัง

ว่าแล้วเราก็มาหาวิธีปกป้องผิวสวยๆกันดีกว่า โชคดีที่ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายแบรนด์ผลิตครีมกันแดดที่มีส่วนป้องกัน Blue Light ด้วย ไม่เพียงช่วยในการป้องกันผิวจากรังสี UV ในแสงแดด ยังช่วยป้องกันผิวของเราจากแสง Blue Light โดย เฉพาะผิวหน้าให้ปลอดภัยจากการทำร้ายของแสง บางแบรนด์ผลิตครีมกันแดด และกันแสงออกมาชนิด 2 in 1 ให้คุณใช้หลอดเดียวป้องกันได้ทั้งสองชนิด เพื่อช่วยให้ผิวคุณไม่เสื่อมโทรม ปราศจากความหมองคล้ำจากการทำร้ายของแสง

เลือกซื้อครีมกันแดดครั้งต่อไปจะมองแค่ค่า SPF อย่างเดียวไม่พอละค่าาา

ต้องอ่านข้อมูลกันให้ชัดๆ ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปกป้องผิวคุณทั้งจากแสงแดด ที่มีทั้ง รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ ที่ข้างหลอดเขียนว่า แสง UV นั่นละ รังสีอินฟราเรด ที่มีปริมาณมากกว่า 50% ของรังสีที่ตกกระทบมายังโลก และแสงสีฟ้า หรือ blue light จากจอสี่เหลี่ยมทั้งหลายที่คุณใช้กันทั้งวัน ทั้งคืน แบบไม่ให้ทำร้ายผิวคุณนะคะ....!!!!

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)



"ป้องกัน" - Google News
September 22, 2020 at 07:01PM
https://ift.tt/33QvcsD

เช็กด่วน "ครีมกันแดด" ที่คุณใช้อยู่ ช่วยป้องกัน “แสงสีฟ้า” หรือไม่? - ไทยรัฐ
"ป้องกัน" - Google News
https://ift.tt/3abF4OL
Home To Blog

No comments:

Post a Comment